สวนหินผางาม น้ำตกสวนห้อม น้ำตกเพียงดิน กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย
(ดูภาพด้านล่าง)
หมายเหตุ : เนื้อหาและรูปภาพในหัวข้อสวนหินผางาม น้ำตกสวนห้อม น้ำตกเพียงดินนี้มีด้วยกันทั้งหมด 2 หน้า ท่านสามารถ click link ตัวเลขที่ด้านล่างสุดของหน้า เพื่อชมข้อมูลและรูปภาพในหน้าต่าง ๆ ได้ตามความต้องการ
สวนหินผางาม หรือที่เรียกกันว่าคุนหมิงเมืองเลย ประกอบไปด้วยเทือกเขาหินปูนน้อยใหญ่มากมายหลายร้อยลูก กินอาณาเขตประมาณกว่า 9 พันไร่ ด้วยความสวยงามแปลกตาทางอบต. และส่วนราชการของจังหวัด จึงได้ร่วมกันพัฒนาสวนหินผางามแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในปีพ.ศ. 2543-2544 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ระบบการเยี่ยมชมสวนหินผางามนั้นทางอบต. ได้วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงสะดวกในการติดต่อท่องเที่ยว
ระหว่างเส้นทางสู่สวนหินผางาม มีน้ำตกสวนห้อม และจุดชมวิว ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.Thongteaw.com)ได้แวะเก็บภาพกันก่อน ดังนั้นกว่าจะมาถึงที่สวนหินผางามก็ช่วงบ่ายโมงพอดี สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของพวกเราเหล่าทีมงาน หมู่หินปูนที่ทั้งสูงใหญ่และสลับซับซ้อนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าดูน่าเกรงขาม ทำให้ทีมงานของเราตื่นเต้นกันใหญ่ที่จะมีโอกาสเข้าไปเที่ยวภายในของสวนหินผางามแห่งนี้ว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ภายในบ้าง งั้นตอนนี้พวกเราขอตัวไปติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวกันก่อน
ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเป็นจุดแจ้งความจำนงในการขอรับบริการมัคคุเทศก์นำทางชมสวนหินผางาม(เนื่องจากเส้นทางเป็นเขาวงกต ทุกกลุ่มจึงจำเป็นต้องมีมัคคุเทศก์นำทาง) ค่าธรรมเนียมอยู่ที่คณะละ 100 บาท (มัคคุเทศก์ 1 ท่าน สมาชิกไม่เกิน 10 คนต่อคณะ) เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยท่านจะได้รับใบเสร็จเป็นหลักฐาน อย่าลืมพลิกด้านหลังใบเสร็จนะคะ มีโปรโมชั่นพิเศษ แต่เป็นอะไรนั้นขอให้ท่านไปสัมผัสด้วยสายตาของท่านเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะประกาศเรียกชื่อมัคคุเทศก์ประจำกลุ่มของท่านให้มารับ แล้วจึงเดินทางออกไปด้วยกัน มัคคุเทศก์ของท่านจะให้เลือกแผนการเที่ยวชมสวนหินผางาม ระหว่าง แผน 1.นั่งรถอีแต๊กไปหยุดที่จุดจอดรถ เดินขึ้นบันไดต่อไปอีกเล็กน้อยถึงจุดชมวิวหลักของสวนหินผางาม เดินกลับทางเดิม นั่งรถอีแต๊กกลับ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ชำระค่ารถอีแต๊กไป-กลับ 15 บาท (เหมาะสำหรับผู้มีอายุ หรือมีปัญหาทางสุขภาพที่ไม่สามารถเดินทางไกล ๆ ได้ และผู้ที่ขี้เกียจเดิน) หรือแผน 2.เดินผ่านเส้นทางเขาวงกต แดนมหัศจรรย์ ไปจนถึงจุดชมวิวหลัก ขึ้นรถอีแต๊กกลับศูนย์บริการ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ชำระค่ารถอีแต๊กเที่ยวกลับ 10 บาท (รถอีแต๊ก ลักษณะคล้ายกับรถไถผสมกับสองแถว ถ้าจินตนาการไม่ออกลองดูจากภาพ) แน่นอนว่าทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราเลือกแผน 2 ดังนั้นเดินทางไปพร้อมกันเลยค่ะ
|
กลุ่มหินขนาดและรูปร่างต่าง ๆ ทั่วไปในบริเวณสวนหินผางาม
|
|
หินงาม และดอกไม้งามบนผาจันทน์งาม |
|
รถอีแต๊ก พาหนะพาทุกท่านเดินทางไปชมคุนหมิงเมืองเลย (ภาพซ้าย ) |
|
ทิวทัศน์โดยรอบสวนหินผางาม |
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเป็นแผนสอง ทีมงานของเราก็ตระเตรียมน้ำดื่มพร้อม น้องอาภาพร (นักเรียนชั้น ม.3) มัคคุเทศก์น้อยของเราก็เดินนำหน้าเข้าสู่เส้นทางทันที เริ่มจากพาทีมงานของเราเดินลัดเลาะกันไปหลังวัดถ้ำดอกบัว ระหว่างทางน้องมัคคุเทศก์น้อยจะชี้ชวนให้ทีมงานชมวิวทิวทัศน์ภูเขาหินที่มีรูปร่างลักษณะต่าง ๆ กัน เช่นเขานางนอนอยู่ไกล ๆ ผ่านไดโนเสาร์หินกำลังคาบเหยื่อ และผาอินเดียแดง(ผาหินลักษณะคล้ายหน้าคนเผ่าอินเดียแดง) แล้วจึงเข้าสู่เขตวัดถ้ำดอกบัว บริเวณนี้ทีมงานของเราได้พบกับช้างร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง (เป็นหินลักษณะรูปคล้ายช้าง บริเวณดวงตาของช้างจะมีรอยหินสีจางกว่าบริเวณอื่นทอดตัวเป็นสายคล้ายกำลังร้องไห้อยู่) แต่พวกเราไม่สามารถปลอบเจ้าช้างได้ เนื่องจากต้องติดตามผู้นำทางของเราอย่างใกล้ชิด จึงเดินต่อไปจนถึงถ้ำส่องดาว (เพดานถ้ำลักษณะเป็นช่องสามารถมองขึ้นไปยังท้องฟ้าด้านบนได้) ภายในถ้ำส่องดาวมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ที่ใต้ต้นมะขามใหญ่ที่งอกทะลุช่องหินขึ้นไป ทีมงานของเรากราบลาท่านมุ่งเดินกันต่อไปจนถึงถ้ำลับแล (ถ้ำนี้มีปริศนาธรรมอยู่บริเวณปากถ้ำและด้านทางออก แต่ชื่อถ้ำลับแลมาจาก ลับสายตาจากทางเข้า ส่วนคนที่กำลังออกก็แลหา เลยกลายเป็นถ้ำลับแล ใครเป็นคนคิดอันนี้ไม่ได้บอกไว้)
จากจุดนี้ไปเริ่มเข้าสู่เส้นทางของเขาวงกต และแดนมหัศจรรย์ ก่อนเข้าสู่เส้นทางผาจันทน์งามได้รอต้อนรับทีมงานเราอยู่ ด้วยต้นจันทน์หลากหลายแบบเดิบโตบนหน้าผาเช่นจันทน์ได,จันทน์ผา ,จันทน์สร้อย,จันทน์แดง เป็นต้น จากนั้นท่านจะได้พบกับ เนินเขาขนาดย่อม ๆ เรียกกันว่า เนินท้อแท้ (คาดการณ์ว่า เดินกันไม่ไหว ท้อแท้แน่ ๆ เพราะต้องขึ้นบันไดสูงชัน แต่โชคดีที่ทีมงานของเรามีสาวชาวต่างประเทศไว้คอยช่วยเหลือคือ สาวลาว = สาวราว = เกาะราวบันไดขึ้นไปนั่นเอง) บนเนินท้อแท้ท่านจะได้พบกับซากฟอสซิส มองเห็นเป็นร่องรอยสัตว์ดึกดำบรรพ์ บนหินบริเวณจุดหยุดพักผ่อน คาดว่าอายุประมาณ สองร้อยกว่าล้านปีมาแล้วในจุดที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 500 -800 เมตร พักยังไม่ทันหายจากอาการเหนื่อยล้านี้ทีมเราก็ต้องลาจากเนินท้อแท้ มุ่งหน้าสู่เนินร่อแร่เป็นลำดับถัดไป (ที่ร่อแร่เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดอีกแล้วครับท่าน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่หายเหนื่อยดีนั่นเอง) แต่ทีมงานของเราก็ไม่ท้อแท้ และไม่ยอมให้ตัวเองร่อแร่ เพราะความสดชื่นของธรรมชาติสองข้างทางนั้นทำให้เพลิดเพลินจนลดอาการเหนื่อยไปได้มาก
เมื่อมาบันไดขั้นบนสุดของเนินร่อแร่ มัคคุเทศก์น้อยชี้ให้เราดูอะไรสักอย่างหนึ่งจู๋จี๋กัน ที่ถ้ำกระซิบรัก (ภายในถ้ำจะได้เห็นพญานาค กับสิงห์กระซิบบอกรักกัน คราแรกพวกเราช่วยมองกันอยู่นานว่าเหมือนตรงไหน แต่เมื่อมองเห็นแล้วจะร้องอ๋อกันทันทีว่าเหมือนจริง ๆ ด้วย) จากนั้นถ้าทุกท่านผ่านมาทางเดียวกับเราจะได้ก้มศีรษะแสดงความเคารพต่อสถานที่ เมื่อผ่านช่องคารวะ (เพราะถ้าท่านไม่ก้ม ก็ผ่านเส้นทางนี้ไม่ได้ ดังนั้นโปรดแสดงความเคารพซะดีดี) จากนั้นท่านต้องเลือกของหวานคือลอดช่อง (มุดผ่านช่องแคบได้ทีละคนและต้องคลานเนื่องจากช่องจะไม่สูงมากนัก บุคคลที่มีขนาดตัวใหญ่มากอาจจะผ่านไม่ไหว) เวลาลอดขอให้เน้นไปทางซ้าย เพราะว่าถ้าท่านไปทางขวาหัวจะชนกับแง่งหิน หลังจากลอดช่องมาแล้วท่านจะต้องมาผจญภัยต่อที่ช่องพยายาม (ช่องหินแคบ และมีรากไม้จำนวนมากต้องใช้ความพยายามหดพุงให้มากที่สุดจึงจะผ่านไปได้) ในที่สุดพวกเราก็มาถึงจุดพักที่สองแล้ว เย้!!!
|
ถ้ำส่องดาว กับสาวน้อยหน้ามนคนขยัน
|
|
ร่องรอยซากฟอสซิสสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์กว่าร้อยล้านปี (ภาพที่ 2 จากซ้าย) |
|
ช่องคารวะ ถ้าไม่มีความนอบน้อมตรงนี้ผ่านไม่ได้นะจ๊ะ (ภาพซ้ายสุด)
และหินไดโนเสาร์ที่กำลังจะกินหัวเราแล้วหรือเปล่าหนอ (ภาพขวาสุด) |
|
จุดชมวิวทิวทัศน์คุนหมิงเมืองเลย (ภาพที่สามจากซ้าย)
และบรรยากาศบนเส้นทางเขาวงกตในสวนหินผางาม |
ตรงจุดพักที่สองนี้ จะพบกันสี่แยกพิศวง เป็นแยกสู่จุดชมวิวสวนหินแบบคุนหมิง หากเลือกเดินไปทางผิดทางก็จะหลงวนไปไม่ถึงจุดชมวิว (ระหว่างทางทีมงานของเราได้พบกับวัยรุ่นชายหญิง 4-5 คนเข้ามาเองโดยไม่มีมัคคุเทศก์ จึงเดินกระซิบกระซาบว่าหาทางออกไม่เจอซะที) สามแยกในสี่ของสี่แยกพิศวงจะพาท่านไปยังจุดชมวิว แต่อีกหนึ่งแยกจะพาไปอ้อมวนก่อนจะกลับมาที่สี่แยกนี้อีกครั้ง ทางแยกนั้นจะได้พบกับหินท้องช้าง มีทั้งช้างตัวเล็ก และช้างตัวใหญ่ จากนั้นผ่านหน้าผาทาร์ซานที่มีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ (แต่พวกเราไม่มีใครสมัครใจเป็นทาร์ซานเลยสักคน กลัวกันว่าเถาวัลย์แม้เส้นจะใหญ่แต่ไม่สัมพันธ์กับน้ำหนักสักเท่าไหร่) เดินไปอีกเล็กน้อยก็จะได้พบกับกรอบรูปไดโนเสาร์ (เป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชเพราะมีต้นไม้งอกอยู่ที่ปากพอดี บริเวณช่วงท้องจะเป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมใช้แทนกรอบรูปเวลาถ่ายภาพ) เท่านั้นไม่พอยังมีกรอบรูปหัวใจตีลังกา ต้นไม้เท้าสิงห์โต (เท้าเหยียบอยู่บนหัวช้าง) จนมาถึงผาแหงน (ชื่อนี้เพราะต้องแหงนหน้าดู โดยมัคคุเทศก์น้อยหลอกนั่นเอง) เป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะถึงจุดชมวิวหลัก
จุดชมวิวหลักของสวนหินผางามทางอบต.จัดทำเป็นโครงเหล็กสานตั้งอยู่บนโขดหินต่าง ๆ จุดนี้เป็นจุดที่เห็นเทือกเขาหินปูนสลับซับซ้อน(เหมือนคุนหมิงของเมืองจีน)ได้สวยงาม และเห็นได้ไกล เมื่อมองไปทางขวาจะเห็นหินเต่ากำลังลงน้ำ ตรงกลางจะเห็นเป็นหินรูปหงส์กำลังจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้า จนไม่น่าเชื่อเลยว่าธรรมชาติจะสร้างความน่าประทับใจต่าง ๆ ไว้ตลอดเส้นทางที่เดินผ่านมาได้อย่างไร จากนั้นเราจะไปขึ้นรถอีแต๊กกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวระหว่างบันไดทางลงท่านจะได้พบกับต้นปงพันปี ที่จะขึ้นปีละข้อเท่านั้นเห็นมัคคุเทศก์น้อยบอกว่านับได้ประมาณพันข้ออายุประมาณพันปี จากนั้นทีมงานของเราก็ทยอยเดินทางลงไปตามบันได โดยนักท่องเที่ยวแผนหนึ่ง (นั่งรถอีแต๊กไปหยุดที่จุดจอดรถ เดินขึ้นบันไดต่อไปอีกเล็กน้อยถึงจุดชมวิวหลักของสวนหินผางาม เดินกลับทางเดิม นั่งรถอีแต๊กกลับ) กำลังเดินสวนขึ้นบันไดมา สุดท้ายยังต้องผ่านจุด เอียงขวาสบาย เอียงซ้ายสลบ (มีหินยื่นออกมาทางด้านซ้ายถ้าไม่หลบทางขวาหัวโขกสลบแบบชื่อมันแน่ ๆ ) จากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถอีแต๊กกลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และแวะเก็บภาพบริเวณด้านหน้าสวนหินผางามแล้วจึงไปเที่ยวชมน้ำตกเพียงดินต่อ
สวนหินผางาม น้ำตกสวนห้อม น้ำตกเพียงดิน หน้า 1 2
|
|